Log in or Sign up
ติดต่อลงโฆษณา
[email protected]
หรือโทร. 081-811-1138 หรืออ่านรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่
RacingWeb.NET | The Racing Cars Community on Web.
Forums
>
Community Car Clubs
>
Pickup Car Clubs
>
HILUX Club
>
6 โรคยอดฮิตบนถนน
>
Reply to Thread
Name:
Verification:
Please enable JavaScript to continue.
Loading...
Message:
<p>[QUOTE="Moo Tiger Raikhing, post: 1513852, member: 80739"]<p style="text-align: center"> </p> <p style="text-align: center"> </p> <p style="text-align: left"><blockquote><p> <font size="3"><span style="color: DarkRed"><span style="color: Sienna">1. ไข้แซงปาด </span></span></font></p> <p style="text-align: left"><font size="3"><span style="color: DarkRed"><span style="color: Sienna"> ผู้ที่เป็นโรคนี้จะมีอาการทรงตัวไม่ได้ อาจจะเป็นผลพวงจากน้ำในหูไม่เท่ากัน จึงต้องขับเหวี่ยงซ้ายเหวี่ยงขวา ปาดคันนู้น คันนี้ แต่สุดท้ายก็กลับมาอยู่ในตำแหน่งเดิม...(เช่น อยู่คันข้างหน้าเรา ปาดไปปาดมาหลายรอบ ก็อยู่คันข้างหน้าเราอยู่ดี...แล้วจะปาดทำไม) นอกจากนี้ ไข้แซงปาด อาจจะเกิดจากอาการท้องร่วงตลอดเวลา หากอยู่นิ่งอยู่กับที่อาจทำให้เล็ด ไปไม่ถึงที่หมาย </span></span></font></p> <p style="text-align: left"><br /></p> <p style="text-align: left"><font size="3"> <span style="color: DarkOrange">2. ไข้แซงขวา </span></font> </p> <p style="text-align: left"><font size="3"><span style="color: DarkOrange"> อาการของโรคนี้ใกล้เคียงกับไข้แซงปาด เพียงแต่ไม่สามารถทรงตัวอยู่ในช่องของตัวเองและทนไม่ได้กับการต้องมีแถวรถ ขวางอยู่ข้างหน้าในขณะที่รอเลี้ยวซ้าย เพื่อให้ได้อรรถรสในการขับขี่ จึงต้องขับออกเลนขวาแล้วเสี่ยงชีวิตประสานงาเพื่อปาดคันที่อยู่ในแถว และโรคนี้เป็นโรคติดต่อชนิดหนึ่ง เมื่อมีผู้หนึ่งเป็นแล้ว ก็จะมีผู้ขับขี่คันหลังๆ มีอาการตาม </span></font></p> <p style="text-align: left"><br /></p> <p style="text-align: left"><font size="3"> <span style="color: SandyBrown">3. ไข้หนาว </span></font> </p> <p style="text-align: left"><font size="3"><span style="color: SandyBrown"> สังเกตอาการได้จาก อาการหนาวสั่นผิดปกติ จึงต้องขับให้ใกล้ชิดก้นคนอื่นมากที่สุด เว้นระยะห่างขนาดหัวแมวยังเข้าไม่ได้ แม้ว่าเราจะขยับรถแม้เพียง 1 เซ็น ก็ยังอุตส่าห์ขยับตามเพื่อให้ได้ความอบอุ่น สร้างความเสียวเป็นระยะๆ (และหัวแมวก็ยังเข้าไม่ได้อยู่ดี) และยังอาจมีอาการแทรกซ้อน คือ แม้จะขึ้นชื่อว่าไข้หนาว แต่อาจมีอาการใจร้อน เกิดภาวะลมปราณไม่ปกติ ทำให้สมองไวต่อแสงสีเขียว ทันทีที่เห็นสัญญาณไฟเขียว สมองจะส่งสัญญาณไปที่มือให้ตบแตรเสียงดังสนั่นหวั่นไหว สร้างความต๊กกะใจให้กับผู้ขับขี่คันข้างหน้า .... แม้ว่าจะเห็นๆอยู่ว่ามันยังไม่ขยับ ก็ขอให้ได้สัมผัสแตร (แล้วมันจะไปได้ยังไงว้า.... บินได้ก็บินไปเองสิเพ่...) </span></font></p> <p style="text-align: left"><br /></p> <p style="text-align: left"><font size="3"> <span style="color: Wheat">4.ไข้คร่อม </span></font> </p> <p style="text-align: left"><font size="3"><span style="color: Wheat"> ผู้ที่เป็นโรคนี้ มักมีความสับสนในตัวเอง ไม่แน่ใจว่าจะไปซ้ายดี หรือไปขวาดี เมื่อยังไม่สามารถตัดสินใจได้ จึงเลือกที่จะเดินทางสายกลาง คือ คร่อมเลนมันซะเลย สร้างความปั่นป่วนให้กับผู้ขับขี่ที่ตามมาทั้งซ้ายและขวา ต้องตั้งจิตสมาธิในการเดาใจผู้ป่วยว่าจะเลือกทางสายใด หากอาการนี้ปรากฏอยู่นานเท่าใด ก็จะอายุสั้น (เพราะได้รับคำสบถและคำสาปแช่งจากรถที่ตามมา) มากขึ้นเท่านั้น</span> </font></p> <p style="text-align: left"><br /></p> <p style="text-align: left"><font size="3"> <span style="color: LemonChiffon">5. ไข้เต่า </span></font> </p> <p style="text-align: left"><font size="3"><span style="color: LemonChiffon"> ผู้ที่เป็นโรคนี้ มักเข้าใจว่าตัวเองขับรถเร็ว หรือไม่ก็เข้าใจว่าตนกำลังขับรถบนถนนของประเทศสหรัฐอเมริกา อาการที่ปรากฏคือ ไม่สามารถขับรถชิดเลนซ้ายที่มีรถขับขี่ในความช้าเท่ากัน จะเกิดอาการขวางหูขวางตาต้องขอให้เป็นผู้นำ อยู่เลนขวาสุดที่ไม่มีรถอยู่ข้างหน้า (แต่มีรถตามข้างหลังมาเป็นขบวน) และยังอาจมีอาการตาพร่ามัวมองไม่เห็นป้าย ?ขับช้า ชิดซ้าย? หรือไม่ก็สติสัมปชัญญะสับสนยังแยกแยะไม่ถูกระหว่างซ้ายกับขวา อาการเช่นนี้อาจทำให้ผู้ขับขี่ที่ตามมาเกิดอาการโรคไข้ปาดในระยะเริ่มต้นได้ </span></font></p> <p style="text-align: left"><br /></p> <p style="text-align: left"><font size="3"> <span style="color: Yellow">6. ไข้พุ่ง </span></font> </p> <p style="text-align: left"><font size="3"><span style="color: Yellow"> ผู้ที่ขับขี่ต้องระวังโรคนี้เป็นอย่างยิ่ง พบมากในผู้ที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ เพราะผู้ที่มีอาการของโรคนี้จะมีอาการบกพร่องในการควบคุมสมองและสายตาในการ คำนวณว่ารถของท่านจะมาด้วยความเร็วเท่าไหร่ ระยะแค่ไหน แต่ประสาทจะสั่งการให้เขาต้องเหยียบคันเร่งพุ่งออกมาอย่างฉับพลัน ทำให้ผู้ขับขี่ รวมถึงผู้ป่วยหลายคนเหยียบเบรกกระทันหัน (รู้ไม๊ ว่าฉันต้องเหยียบเบรกกกกก) เสียการทรงตัว และต้องเสียชีวิตจากอาการนี้หลายราย </span></font></p> <p style="text-align: left"><br /></p> <p style="text-align: left"><br /></p> <p style="text-align: left"><font size="3"> <span style="color: YellowGreen">ซึ่งทั้ง 6 อาการนี้ มีอาการร่วมกันอยู่อย่างหนึ่ง คือ ความประมาท ไม่ว่าจะมีอาการมากน้อยประการใด หากไม่รีบรักษาความประมาทให้หาย ก็อาจก่อให้เกิดอันตรายกับผู้อื่นได้ หากท่านพบเห็นโรคอย่างอื่น กรุณาร่วมด้วยช่วยกันแจ้ง เพื่อที่ถนนจะได้ปลอดโรค ลดอุบัติเหตุต่อไป</span></font></p> <p style="text-align: left"><br /></p><p style="text-align: right"><font size="2">ปล. เครดิตจากพี่ Show Aof ในไก่ก่านะคับ</font></p> <p style="text-align: right"> </p> </p></blockquote> </p><p>[/QUOTE]</p><p><br /></p>
[QUOTE="Moo Tiger Raikhing, post: 1513852, member: 80739"][CENTER] [/CENTER] [LEFT][INDENT] [SIZE=3][COLOR=DarkRed][COLOR=Sienna]1. ไข้แซงปาด [/COLOR][/COLOR][/SIZE] [SIZE=3][COLOR=DarkRed][COLOR=Sienna] ผู้ที่เป็นโรคนี้จะมีอาการทรงตัวไม่ได้ อาจจะเป็นผลพวงจากน้ำในหูไม่เท่ากัน จึงต้องขับเหวี่ยงซ้ายเหวี่ยงขวา ปาดคันนู้น คันนี้ แต่สุดท้ายก็กลับมาอยู่ในตำแหน่งเดิม...(เช่น อยู่คันข้างหน้าเรา ปาดไปปาดมาหลายรอบ ก็อยู่คันข้างหน้าเราอยู่ดี...แล้วจะปาดทำไม) นอกจากนี้ ไข้แซงปาด อาจจะเกิดจากอาการท้องร่วงตลอดเวลา หากอยู่นิ่งอยู่กับที่อาจทำให้เล็ด ไปไม่ถึงที่หมาย [/COLOR][/COLOR][/SIZE] [SIZE=3][COLOR=DarkRed] [/COLOR][/SIZE] [SIZE=3] [COLOR=DarkOrange]2. ไข้แซงขวา [/COLOR][/SIZE] [SIZE=3][COLOR=DarkOrange] อาการของโรคนี้ใกล้เคียงกับไข้แซงปาด เพียงแต่ไม่สามารถทรงตัวอยู่ในช่องของตัวเองและทนไม่ได้กับการต้องมีแถวรถ ขวางอยู่ข้างหน้าในขณะที่รอเลี้ยวซ้าย เพื่อให้ได้อรรถรสในการขับขี่ จึงต้องขับออกเลนขวาแล้วเสี่ยงชีวิตประสานงาเพื่อปาดคันที่อยู่ในแถว และโรคนี้เป็นโรคติดต่อชนิดหนึ่ง เมื่อมีผู้หนึ่งเป็นแล้ว ก็จะมีผู้ขับขี่คันหลังๆ มีอาการตาม [/COLOR][/SIZE] [SIZE=3] [/SIZE] [SIZE=3] [COLOR=SandyBrown]3. ไข้หนาว [/COLOR][/SIZE] [SIZE=3][COLOR=SandyBrown] สังเกตอาการได้จาก อาการหนาวสั่นผิดปกติ จึงต้องขับให้ใกล้ชิดก้นคนอื่นมากที่สุด เว้นระยะห่างขนาดหัวแมวยังเข้าไม่ได้ แม้ว่าเราจะขยับรถแม้เพียง 1 เซ็น ก็ยังอุตส่าห์ขยับตามเพื่อให้ได้ความอบอุ่น สร้างความเสียวเป็นระยะๆ (และหัวแมวก็ยังเข้าไม่ได้อยู่ดี) และยังอาจมีอาการแทรกซ้อน คือ แม้จะขึ้นชื่อว่าไข้หนาว แต่อาจมีอาการใจร้อน เกิดภาวะลมปราณไม่ปกติ ทำให้สมองไวต่อแสงสีเขียว ทันทีที่เห็นสัญญาณไฟเขียว สมองจะส่งสัญญาณไปที่มือให้ตบแตรเสียงดังสนั่นหวั่นไหว สร้างความต๊กกะใจให้กับผู้ขับขี่คันข้างหน้า .... แม้ว่าจะเห็นๆอยู่ว่ามันยังไม่ขยับ ก็ขอให้ได้สัมผัสแตร (แล้วมันจะไปได้ยังไงว้า.... บินได้ก็บินไปเองสิเพ่...) [/COLOR][/SIZE] [SIZE=3] [/SIZE] [SIZE=3] [COLOR=Wheat]4.ไข้คร่อม [/COLOR][/SIZE] [SIZE=3][COLOR=Wheat] ผู้ที่เป็นโรคนี้ มักมีความสับสนในตัวเอง ไม่แน่ใจว่าจะไปซ้ายดี หรือไปขวาดี เมื่อยังไม่สามารถตัดสินใจได้ จึงเลือกที่จะเดินทางสายกลาง คือ คร่อมเลนมันซะเลย สร้างความปั่นป่วนให้กับผู้ขับขี่ที่ตามมาทั้งซ้ายและขวา ต้องตั้งจิตสมาธิในการเดาใจผู้ป่วยว่าจะเลือกทางสายใด หากอาการนี้ปรากฏอยู่นานเท่าใด ก็จะอายุสั้น (เพราะได้รับคำสบถและคำสาปแช่งจากรถที่ตามมา) มากขึ้นเท่านั้น[/COLOR] [/SIZE] [SIZE=3] [/SIZE] [SIZE=3] [COLOR=LemonChiffon]5. ไข้เต่า [/COLOR][/SIZE] [SIZE=3][COLOR=LemonChiffon] ผู้ที่เป็นโรคนี้ มักเข้าใจว่าตัวเองขับรถเร็ว หรือไม่ก็เข้าใจว่าตนกำลังขับรถบนถนนของประเทศสหรัฐอเมริกา อาการที่ปรากฏคือ ไม่สามารถขับรถชิดเลนซ้ายที่มีรถขับขี่ในความช้าเท่ากัน จะเกิดอาการขวางหูขวางตาต้องขอให้เป็นผู้นำ อยู่เลนขวาสุดที่ไม่มีรถอยู่ข้างหน้า (แต่มีรถตามข้างหลังมาเป็นขบวน) และยังอาจมีอาการตาพร่ามัวมองไม่เห็นป้าย ?ขับช้า ชิดซ้าย? หรือไม่ก็สติสัมปชัญญะสับสนยังแยกแยะไม่ถูกระหว่างซ้ายกับขวา อาการเช่นนี้อาจทำให้ผู้ขับขี่ที่ตามมาเกิดอาการโรคไข้ปาดในระยะเริ่มต้นได้ [/COLOR][/SIZE] [SIZE=3] [/SIZE] [SIZE=3] [COLOR=Yellow]6. ไข้พุ่ง [/COLOR][/SIZE] [SIZE=3][COLOR=Yellow] ผู้ที่ขับขี่ต้องระวังโรคนี้เป็นอย่างยิ่ง พบมากในผู้ที่ขับขี่รถจักรยานยนต์ เพราะผู้ที่มีอาการของโรคนี้จะมีอาการบกพร่องในการควบคุมสมองและสายตาในการ คำนวณว่ารถของท่านจะมาด้วยความเร็วเท่าไหร่ ระยะแค่ไหน แต่ประสาทจะสั่งการให้เขาต้องเหยียบคันเร่งพุ่งออกมาอย่างฉับพลัน ทำให้ผู้ขับขี่ รวมถึงผู้ป่วยหลายคนเหยียบเบรกกระทันหัน (รู้ไม๊ ว่าฉันต้องเหยียบเบรกกกกก) เสียการทรงตัว และต้องเสียชีวิตจากอาการนี้หลายราย [/COLOR][/SIZE] [SIZE=3] [/SIZE] [SIZE=3] [/SIZE] [SIZE=3] [COLOR=YellowGreen]ซึ่งทั้ง 6 อาการนี้ มีอาการร่วมกันอยู่อย่างหนึ่ง คือ ความประมาท ไม่ว่าจะมีอาการมากน้อยประการใด หากไม่รีบรักษาความประมาทให้หาย ก็อาจก่อให้เกิดอันตรายกับผู้อื่นได้ หากท่านพบเห็นโรคอย่างอื่น กรุณาร่วมด้วยช่วยกันแจ้ง เพื่อที่ถนนจะได้ปลอดโรค ลดอุบัติเหตุต่อไป[/COLOR][/SIZE] [RIGHT][SIZE=2]ปล. เครดิตจากพี่ Show Aof ในไก่ก่านะคับ[/SIZE] [/RIGHT] [/INDENT][/LEFT][/QUOTE]
Log in with Facebook
Log in with Twitter
Log in with Google
Your name or email address:
Do you already have an account?
No, create an account now.
Yes, my password is:
Forgot your password?
Stay logged in
RacingWeb.NET | The Racing Cars Community on Web.
Forums
>
Community Car Clubs
>
Pickup Car Clubs
>
HILUX Club
>
6 โรคยอดฮิตบนถนน
>
X
Home
Home
Quick Links
Recent Posts
Recent Activity
Authors
Forums
Forums
Quick Links
Search Forums
Recent Posts
Classifieds
Classifieds
Quick Links
Search Classifieds
Recent Activity
Top Rated Traders
Media
Media
Quick Links
Search Media
New Media
Members
Members
Quick Links
Notable Members
Registered Members
Current Visitors
Recent Activity
New Profile Posts
Menu
Search titles only
Posted by Member:
Separate names with a comma.
Newer Than:
Search this thread only
Search this forum only
Display results as threads
Useful Searches
Recent Posts
More...