Log in or Sign up
ติดต่อลงโฆษณา
[email protected]
หรือโทร. 081-811-1138 หรืออ่านรายละเอียดเพิ่มเติม คลิกที่นี่
RacingWeb.NET | The Racing Cars Community on Web.
Forums
>
Community Car Clubs
>
Honda Car Clubs
>
EK Group
>
จริงหรือ...วันผลิตมีผลต่อประสิทธิภาพของยาง
>
Reply to Thread
Name:
Verification:
Please enable JavaScript to continue.
Loading...
Message:
<p>[QUOTE="NUS.EK, post: 1647263, member: 57985"]<font size="4"><span style="color: yellow">เป็นความจริงที่ว่า เจ้าของรถมักให้ความสำคัญกับการเลือกซื้อยางเป็นพิเศษ เพราะยางมีส่วนอย่างมากกับความปลอดภัยใน</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: yellow">การขับขี่ ผู้ใช้รถจึงต้องการยางที่มีสมรรถนะในการยึดเกาะถนนได้ดีสามารถทนความร้อนและแรงเสียดทานได้แต่ในขณะเดียวกัน </span></font></p><p><font size="4"><span style="color: yellow">เจ้าของรถหลายรายยังคงมีความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับการเลือกซื้อยาง อันมีสาเหตุมาจากการได้รับฟัง หรือได้อ่านเรื่องราวความเชื่อที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับอายุการผลิตยาง ทำให้เจ้าของรถในเมืองไทยจำนวนไม่น้อย คำนึงถึงวันผลิตที่อยู่บนแก้มยางหรือ DOT แทนที่จะให้ความสำคัญกับยางคุณภาพที่เหมาะกับประเภทรถและการใช้งาน </span></font></p><p><font size="4"><span style="color: yellow"> จากการศึกษาและวิจัยจากหน่วยงานภาครัฐบาลและบริษัทชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศพบว่า แท้จริงแล้ว วันผลิตของยางไม่ได้มีผลกับสมรรถภาพของยางอย่างที่หลายคนเข้าใจ เพราะโดยปกติยางที่ผลิตออกมานั้น เมื่อมีการจัดเก็บที่ดีพอ เช่น การเก็บรักษาในอุณหภูมิที่เหมาะสมและยังไม่ได้เริ่มใช้งาน ก็จะสามารถเก็บยางเส้นนั้นๆ ได้เป็นเวลาหลายปีโดยไม่เสื่อมสภาพ</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: yellow"> ดังนั้นจะเห็นได้จากตัวอย่างหนึ่งของการทดสอบโดย กรมคุ้มครองผู้บริโภคของประเทศเกาหลีใต้ เพื่อพิสูจน์ระดับความปลอดภัยในการใช้ยาง ระหว่างยางที่ผลิตใหม่และยางที่ผลิตย้อนหลังไปสามปี ( พ.ศ. 2548 - พ.ศ. 2550 ) ด้วยการทดสอบแบบ </span></font></p><p><font size="4"><span style="color: yellow">KSM6750 โดยเกี่ยวกับการขับขี่ด้วยความเร็วสูงและการขับขี่แบบหยุดเป็นระยะได้ผลลัพธ์ที่ออกมาพบว่า แม้วันที่ผลิตยางจะแตกต่างกัน แต่ประสิทธิภาพและสมรรถนะของยางไม่ต่างกัน</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: yellow"> นอกจากนี้ กรมคมนาคมของประเทศสหรัฐอเมริกา ยังเคยตีพิมพ์บทความเกี่ยวกับ " ประสิทธิภาพของยางหลังเติมลมแล้ว </span></font></p><p><font size="4"><span style="color: yellow">( The Pneumatic Tier )" ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549 โดยระบุความร้อนที่เกิดขึ้นขณะที่ยางมีการใช้งาน คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้ยางเสื่อมสภาพ ยางรถยนต์ที่วิ่งด้วยความเร็ว 120 ก.ม.ต่อชั่วโมง สามารถทำให้เกิดอุณหภูมิที่หน้ายางสูงขึ้นถึง 75 องศาเซลเซียส แต่หากความดันในลมยางน้อยกว่าปกติ ( เช่นยางแบน )ก็จะยิ่งทำให้ความร้อนหน้ายางสูงมากกว่าที่ควรจะเป็นด้วย ดังนั้น อุณหภูมิในโกดังที่จัดเก็บยางรถยนต์ก่อนใช้งานจริงจึงมีผลต่อคุณภาพของเนื้อยางเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อเทียบกับความร้อนที่เกิดจากแรงเสียดสีเมื่อนำยางไปใช้ในการขับขี่จริง เพราะโดยทั่วไปนั้น ยางที่ยังไม่ได้ถูกนำไปใช้งาน สามารถเก็บได้เป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 3 ปีก่อนการใช้งานจริง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการเก็บรักษาจากคำแนะนำของบริษัทผู้ผลิต</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: yellow"> อีกตัวอย่างหนึ่งที่ได้จากการทดสอบของประเทศในฝั่งยุโรป โดยองค์กร ADAC ซึ่งเป็นหน่วยงานเพื่อผู้ขับขี่รถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเยอรมนี ได้พิสูจน์เรื่องสมรรถนะของยางเอาไว้ในเดือน มิถุนายน 2553 โดยได้ทำการทดสอบประสิทธิภาพยางรถยนต์ที่ผลิตใน พ.ศ. 2550 และ พ.ศ. 2547 สำหรับการขับขี่ในช่วงฤดูหนาวและฤดูร้อน ซึ่งผลการทดสอบก็ไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่า ยางที่ผลิตใหม่จะมีสมรรถนะเหนือกว่ายางที่ผลิตมานานกว่า</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: yellow"> ขณะเดียวกัน ทางประเทศไทยเอง ก็มีหน่วยงานภาควิชาการที่ได้ทำการทดสอบในลักษณะเดียวกันโดย คณะวิทยาศาสตร์ </span></font></p><p><font size="4"><span style="color: yellow">มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับ TUV Rheinland Group Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำหน้าที่ทดสอบและให้การรับรองคุณภาพแก่ผลิตภัณฑ์และสินค้าของบริษัทชั้นนำทั่วโลก มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศเยอรมนี ทำการทดสอบเพื่อหาข้อพิสูจน์ว่า ในสภาพแวดล้อมประเทศไทยนั้น สมรรถนะของยางที่ผลิตใหม่กับยางที่ผลิตมานานกว่าจะมีความแตกต่างกันในด้านประสิทธิภาพและความปลอดภัยหรือไม่ จึงได้นำยางรถยนต์ที่มีวันผลิตต่างกันหนึ่งปี ไปทดสอบการใช้งาน โดยขับขี่ด้วยความเร็ว 230 กิโลเมตรต่อชั่งโมง </span></font></p><p><font size="4"><span style="color: yellow">ในระยะเวลาที่ต่อเนื่องนาน 60 นาที ผลที่ได้จากการทดสอบพบว่ามีความแตกต่างไม่ถึงหนึ่งเปอร์เซนต์ รวมทั้งยังมีความสามารถสำหรับการบรรทุกและวิ่งเป็นระยะทางไกล ตลอดจนความแข็งแรงของหน้ายางและโครงสร้างยางไม่แตกต่างกัน ทั้งๆ ที่วันผลิตยางนั้นห่างกันถึงหนึ่งปี นอกจากนั้น TUV Rheinland Group Ltd. ยังได้ทำการทดสอบว่า วันที่ของการผลิตที่แตกต่างกันจะมีผลส่งต่อสมรรถนะของยางในด้านความสามารถในการเกาะถนน การควบคุมการขับขี่และการเบรคของยางหรือไม่ โดย TUV Rheinland</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: yellow">Ltd. ได้ทำการทดสอบระยะเบรค ที่ความเร็ว 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงจนกระทั่งหยุดนิ่ง ณ สนามแข่งรถ จ. ปทุมธานี ผลการทดสอบพบว่ายางที่มีวันที่ของการผลิตแตกต่างกันมีความสามารถในการเกาะถนน การควบคุมการขับขี่และเบรคใกล้เคียงกันมากจนแทบจะไม่มีความแตกต่าง นาย ชูเดช ดีประเสริฐกุล อาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: yellow">" ยางที่มีวันผลิตต่างกันสองถึงสามปีจะให้สมรรถนะและประสิทธิภาพในการขับขี่ในระดับที่ไม่แตกต่างกัน แต่อย่างไรก็ตาม ก็ต้องขึ้นอยู่กับการจัดเก็บรักษายางในร้านด้วยว่ามีการควบคุมอุณหภูมิและความชื้นที่เหมาะสม รวนถึงไม่โดนแดด เพราะอาจจะทำให้หน้ายางมีความยืดหยุ่นน้อยลงและแข็งขึ้น ดังนั้น การเลือกซื้อยางในร้านที่เชื่อถือได้จึงมีความสำคัญ แทนที่จะคำนึงเรื่องวันเดือนปีที่ผลิตเป็นหลัก" </span></font></p><p><font size="4"><span style="color: yellow"> "ส่วนความเชื่อที่ว่ายางรุ่นเดียวกันถ้ายิ่งผลิตใหม่ที่สุดก็จะทำให้ได้รับยางที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยขึ้นและมีมีวัตถุดิบที่ดีขึ้นก็ไม่ได้รับการยืนยันเพราะยางในแต่ละรุ่นนั้นจะมีการใช้วัตถุดิบและเทคโนโลยีเช่นเดียวกัน บางครั้งยางที่ผลิตก่อนอาจจะมีความเหนียวของยางมากกว่า ซึ่งทำให้การขับขี่มีสมรรถนะยิ่งขึ้น สำหรับคำแนะนำในการเลือกซื้อยางสำหรับผู้ขับขี่ชาวไทย คือ ต้องเลือกยางที่เหมาะสมกับการใช้งานและขนาดของล้อ ส่วนวันที่ผลิตนั้นไม่ถือเป็นสิ่งที่มีผลโดยตรงต่อการเสื่อมสภาพของยางแต่อย่างใด"</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: yellow">นาย ชูเดช กล่าว สรุป </span></font></p><p><font size="4"><span style="color: yellow"><br /></span></font></p><p><font size="4"><span style="color: yellow"> ในการเลือกยางครั้งต่อไป อย่าเสียเวลาหรือกังวลไปกับการหาซื้อยางที่มีวันผลิตใหม่ที่สุด ควรจะหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัยในการขับขี่ และการดูแลรักษายางอย่างสม่ำเสมอจะดีกว่า</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: yellow"><br /></span></font></p><p><font size="4"><span style="color: yellow"> พิมพ์มาตั้งนานเห็นมีประโยชน์และเสริมความรู้ดี จึงนำมาฝากเพื่อนๆและน้องๆครับ ได้มาจากหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง</span></font></p><p><font size="4"><span style="color: yellow"><br /></span></font></p><p><font size="4"><span style="color: yellow">หวังว่าคงเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยจะได้ไม่ต้องไปเถียงกัน ครับ สรุป ยางดี อายุการใช้งานนาน อยู่ที่การใช้และดูแลรักษา ครับ</span></font>[/QUOTE]</p><p><br /></p>
[QUOTE="NUS.EK, post: 1647263, member: 57985"][SIZE="4"][COLOR="yellow"]เป็นความจริงที่ว่า เจ้าของรถมักให้ความสำคัญกับการเลือกซื้อยางเป็นพิเศษ เพราะยางมีส่วนอย่างมากกับความปลอดภัยใน การขับขี่ ผู้ใช้รถจึงต้องการยางที่มีสมรรถนะในการยึดเกาะถนนได้ดีสามารถทนความร้อนและแรงเสียดทานได้แต่ในขณะเดียวกัน เจ้าของรถหลายรายยังคงมีความเชื่อผิดๆ เกี่ยวกับการเลือกซื้อยาง อันมีสาเหตุมาจากการได้รับฟัง หรือได้อ่านเรื่องราวความเชื่อที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับอายุการผลิตยาง ทำให้เจ้าของรถในเมืองไทยจำนวนไม่น้อย คำนึงถึงวันผลิตที่อยู่บนแก้มยางหรือ DOT แทนที่จะให้ความสำคัญกับยางคุณภาพที่เหมาะกับประเภทรถและการใช้งาน จากการศึกษาและวิจัยจากหน่วยงานภาครัฐบาลและบริษัทชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศพบว่า แท้จริงแล้ว วันผลิตของยางไม่ได้มีผลกับสมรรถภาพของยางอย่างที่หลายคนเข้าใจ เพราะโดยปกติยางที่ผลิตออกมานั้น เมื่อมีการจัดเก็บที่ดีพอ เช่น การเก็บรักษาในอุณหภูมิที่เหมาะสมและยังไม่ได้เริ่มใช้งาน ก็จะสามารถเก็บยางเส้นนั้นๆ ได้เป็นเวลาหลายปีโดยไม่เสื่อมสภาพ ดังนั้นจะเห็นได้จากตัวอย่างหนึ่งของการทดสอบโดย กรมคุ้มครองผู้บริโภคของประเทศเกาหลีใต้ เพื่อพิสูจน์ระดับความปลอดภัยในการใช้ยาง ระหว่างยางที่ผลิตใหม่และยางที่ผลิตย้อนหลังไปสามปี ( พ.ศ. 2548 - พ.ศ. 2550 ) ด้วยการทดสอบแบบ KSM6750 โดยเกี่ยวกับการขับขี่ด้วยความเร็วสูงและการขับขี่แบบหยุดเป็นระยะได้ผลลัพธ์ที่ออกมาพบว่า แม้วันที่ผลิตยางจะแตกต่างกัน แต่ประสิทธิภาพและสมรรถนะของยางไม่ต่างกัน นอกจากนี้ กรมคมนาคมของประเทศสหรัฐอเมริกา ยังเคยตีพิมพ์บทความเกี่ยวกับ " ประสิทธิภาพของยางหลังเติมลมแล้ว ( The Pneumatic Tier )" ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2549 โดยระบุความร้อนที่เกิดขึ้นขณะที่ยางมีการใช้งาน คือปัจจัยสำคัญที่ทำให้ยางเสื่อมสภาพ ยางรถยนต์ที่วิ่งด้วยความเร็ว 120 ก.ม.ต่อชั่วโมง สามารถทำให้เกิดอุณหภูมิที่หน้ายางสูงขึ้นถึง 75 องศาเซลเซียส แต่หากความดันในลมยางน้อยกว่าปกติ ( เช่นยางแบน )ก็จะยิ่งทำให้ความร้อนหน้ายางสูงมากกว่าที่ควรจะเป็นด้วย ดังนั้น อุณหภูมิในโกดังที่จัดเก็บยางรถยนต์ก่อนใช้งานจริงจึงมีผลต่อคุณภาพของเนื้อยางเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อเทียบกับความร้อนที่เกิดจากแรงเสียดสีเมื่อนำยางไปใช้ในการขับขี่จริง เพราะโดยทั่วไปนั้น ยางที่ยังไม่ได้ถูกนำไปใช้งาน สามารถเก็บได้เป็นระยะเวลาไม่น้อยกว่า 3 ปีก่อนการใช้งานจริง ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการเก็บรักษาจากคำแนะนำของบริษัทผู้ผลิต อีกตัวอย่างหนึ่งที่ได้จากการทดสอบของประเทศในฝั่งยุโรป โดยองค์กร ADAC ซึ่งเป็นหน่วยงานเพื่อผู้ขับขี่รถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศเยอรมนี ได้พิสูจน์เรื่องสมรรถนะของยางเอาไว้ในเดือน มิถุนายน 2553 โดยได้ทำการทดสอบประสิทธิภาพยางรถยนต์ที่ผลิตใน พ.ศ. 2550 และ พ.ศ. 2547 สำหรับการขับขี่ในช่วงฤดูหนาวและฤดูร้อน ซึ่งผลการทดสอบก็ไม่สามารถระบุได้ชัดเจนว่า ยางที่ผลิตใหม่จะมีสมรรถนะเหนือกว่ายางที่ผลิตมานานกว่า ขณะเดียวกัน ทางประเทศไทยเอง ก็มีหน่วยงานภาควิชาการที่ได้ทำการทดสอบในลักษณะเดียวกันโดย คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ร่วมกับ TUV Rheinland Group Ltd. ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำหน้าที่ทดสอบและให้การรับรองคุณภาพแก่ผลิตภัณฑ์และสินค้าของบริษัทชั้นนำทั่วโลก มีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศเยอรมนี ทำการทดสอบเพื่อหาข้อพิสูจน์ว่า ในสภาพแวดล้อมประเทศไทยนั้น สมรรถนะของยางที่ผลิตใหม่กับยางที่ผลิตมานานกว่าจะมีความแตกต่างกันในด้านประสิทธิภาพและความปลอดภัยหรือไม่ จึงได้นำยางรถยนต์ที่มีวันผลิตต่างกันหนึ่งปี ไปทดสอบการใช้งาน โดยขับขี่ด้วยความเร็ว 230 กิโลเมตรต่อชั่งโมง ในระยะเวลาที่ต่อเนื่องนาน 60 นาที ผลที่ได้จากการทดสอบพบว่ามีความแตกต่างไม่ถึงหนึ่งเปอร์เซนต์ รวมทั้งยังมีความสามารถสำหรับการบรรทุกและวิ่งเป็นระยะทางไกล ตลอดจนความแข็งแรงของหน้ายางและโครงสร้างยางไม่แตกต่างกัน ทั้งๆ ที่วันผลิตยางนั้นห่างกันถึงหนึ่งปี นอกจากนั้น TUV Rheinland Group Ltd. ยังได้ทำการทดสอบว่า วันที่ของการผลิตที่แตกต่างกันจะมีผลส่งต่อสมรรถนะของยางในด้านความสามารถในการเกาะถนน การควบคุมการขับขี่และการเบรคของยางหรือไม่ โดย TUV Rheinland Ltd. ได้ทำการทดสอบระยะเบรค ที่ความเร็ว 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงจนกระทั่งหยุดนิ่ง ณ สนามแข่งรถ จ. ปทุมธานี ผลการทดสอบพบว่ายางที่มีวันที่ของการผลิตแตกต่างกันมีความสามารถในการเกาะถนน การควบคุมการขับขี่และเบรคใกล้เคียงกันมากจนแทบจะไม่มีความแตกต่าง นาย ชูเดช ดีประเสริฐกุล อาจารย์ประจำภาควิชาวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ให้ความเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้ว่า " ยางที่มีวันผลิตต่างกันสองถึงสามปีจะให้สมรรถนะและประสิทธิภาพในการขับขี่ในระดับที่ไม่แตกต่างกัน แต่อย่างไรก็ตาม ก็ต้องขึ้นอยู่กับการจัดเก็บรักษายางในร้านด้วยว่ามีการควบคุมอุณหภูมิและความชื้นที่เหมาะสม รวนถึงไม่โดนแดด เพราะอาจจะทำให้หน้ายางมีความยืดหยุ่นน้อยลงและแข็งขึ้น ดังนั้น การเลือกซื้อยางในร้านที่เชื่อถือได้จึงมีความสำคัญ แทนที่จะคำนึงเรื่องวันเดือนปีที่ผลิตเป็นหลัก" "ส่วนความเชื่อที่ว่ายางรุ่นเดียวกันถ้ายิ่งผลิตใหม่ที่สุดก็จะทำให้ได้รับยางที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยขึ้นและมีมีวัตถุดิบที่ดีขึ้นก็ไม่ได้รับการยืนยันเพราะยางในแต่ละรุ่นนั้นจะมีการใช้วัตถุดิบและเทคโนโลยีเช่นเดียวกัน บางครั้งยางที่ผลิตก่อนอาจจะมีความเหนียวของยางมากกว่า ซึ่งทำให้การขับขี่มีสมรรถนะยิ่งขึ้น สำหรับคำแนะนำในการเลือกซื้อยางสำหรับผู้ขับขี่ชาวไทย คือ ต้องเลือกยางที่เหมาะสมกับการใช้งานและขนาดของล้อ ส่วนวันที่ผลิตนั้นไม่ถือเป็นสิ่งที่มีผลโดยตรงต่อการเสื่อมสภาพของยางแต่อย่างใด" นาย ชูเดช กล่าว สรุป ในการเลือกยางครั้งต่อไป อย่าเสียเวลาหรือกังวลไปกับการหาซื้อยางที่มีวันผลิตใหม่ที่สุด ควรจะหันมาให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัยในการขับขี่ และการดูแลรักษายางอย่างสม่ำเสมอจะดีกว่า พิมพ์มาตั้งนานเห็นมีประโยชน์และเสริมความรู้ดี จึงนำมาฝากเพื่อนๆและน้องๆครับ ได้มาจากหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง หวังว่าคงเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อยจะได้ไม่ต้องไปเถียงกัน ครับ สรุป ยางดี อายุการใช้งานนาน อยู่ที่การใช้และดูแลรักษา ครับ[/COLOR][/SIZE][/QUOTE]
Log in with Facebook
Log in with Twitter
Log in with Google
Your name or email address:
Do you already have an account?
No, create an account now.
Yes, my password is:
Forgot your password?
Stay logged in
RacingWeb.NET | The Racing Cars Community on Web.
Forums
>
Community Car Clubs
>
Honda Car Clubs
>
EK Group
>
จริงหรือ...วันผลิตมีผลต่อประสิทธิภาพของยาง
>
X
Home
Home
Quick Links
Recent Posts
Recent Activity
Authors
Forums
Forums
Quick Links
Search Forums
Recent Posts
Classifieds
Classifieds
Quick Links
Search Classifieds
Recent Activity
Top Rated Traders
Media
Media
Quick Links
Search Media
New Media
Members
Members
Quick Links
Notable Members
Registered Members
Current Visitors
Recent Activity
New Profile Posts
Menu
Search titles only
Posted by Member:
Separate names with a comma.
Newer Than:
Search this thread only
Search this forum only
Display results as threads
Useful Searches
Recent Posts
More...